วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เรื่องหัวใจวายและการดื่มน้ำอุ่น Subject: Heart Attacks and Drinking Warm Water

From  Ranee Vijukanakul

เรื่องหัวใจวายและการดื่มน้ำอุ่น

PA very good article which takes two minutes to read. Sent by a friend who had about 25 or 30 years in the field with such emergencies....I ' m sending this to persons I care about......why not do the same ?????


นี่เป็นบทความที่ดีมาก ไม่ใช่แค่เรื่องน้ำอุ่นหลังอาหาร แต่เป็นเรื่อง หัวใจวาย เลยทีเดียว
คนจีนและคนญี่ปุ่นจะดื่มชาร้อนกับอาหาร ไม่ดื่มน้ำเย็น และตอนนี้คงถึงเวลาแล้วที่เราจะนำ นิสัยการดื่ม แบบนี้มาใช้เวลาเรากิน
This is a very good article. Not only about the warm water after your meal, but about Heart Attacks. The Chinese and Japanese drink hot tea with their meals, not cold water, maybe it is time we adopt their drinking habit while eating.





บทความนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบดื่มน้ำเย็น 
แน่นอน มันรู้สึกดีที่ได้ดื่มน้ำเย็นๆซักแก้วนึงหลังอาหาร
 แต่น้ำเย็นจะทำให้ไขมันจากอาหารที่เรากินเข้าไปจับตัวกัน
และมันก็ทำให้การย่อยช้าลงด้วย

เมื่อกากไขมันเหล่านี้ทำปฏิกิริยากับกรด
มันจะแตกตัวและถูกดูดซึมโดย ลำไส้
และในไม่ช้ามันจะกลายเป็นไขมัน
ซึ่งส่งผลให้เกิด มะเร็งได้
ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดถ้าเราดื่มซุบร้อนๆ หรือ น้ำอุ่นหลังอาหาร


อาการสามัญของหัวใจวาย

หมายเหตุที่สำคัญของหัวใจวาย -
คุณควรรู้ว่าไม่ทั้งหมดของอาการหัวใจวายนั้นจะเป็น
การเจ็บที่แขนซ้าย ระวัง การปวดที่รุนแรงของแนวกราม ด้วย
คุณอาจจะไม่มี อาการเจ็บหน้าอก เป็นอันดับแรก
ระหว่างการเป็นหัวใจวาย อาการคลื่นไส้และเหงื่อออกอย่างมาก
 ก็เป็นอาการสามัญ 60% ของผู้ที่มีอาการหัวใจวาย
ขณะนอนหลับจะไม่ตื่นเลย
อาการปวดที่กรามสามารถปลุกคุณจากการนอนได้
จงระวังและตระหนักไว้ ยิ่งเรารู้มากเท่าไหร่
ก็มีโอกาสที่เราจะมีชีวิตรอดเท่านั้น

นักหัวใจวิทยาท่านหนึ่งพูดว่า
ถ้าใครก็ตามที่ได้อ่านข้อความนี้ส่งมันต่อไปยังคนอีก 10 คน
คุณแน่ใจได้เลยว่าเราจะช่วยชีวิตคนๆหนึ่งได้
ดังนั้น โปรดเป็นเพื่อนที่ดี
และส่งบทความนี้ให้เพื่อนทุกคนที่คุณห่วงใย

แปลโดย l3owBearY

http://bowbeary.hi5.com/

For those who like to drink cold water, this article is applicable to you. It is nice to have a cup of cold drink after a meal. However, the cold water will solidify the oily stuff that you have just consumed. It will slow down the digestion. Once this ' sludge ' reacts with the acid, it will break down and be absorbed by the intestine faster than the solid food. It will line the intestine. Very soon, this will turn into fats and lead to

Cancer. It is best to drink hot soup or warm water after a meal.











Common Symptoms Of Heart Attack...

A serious note about heart attacks -
You should know that not every heart attack
symptom is going to be the left arm hurting.
Be aware of intense pain in the jaw line.
You may never have the first chest pain during the course of a heart attack.
Nausea and intense sweating are also common symptoms.
60% of people who have a heart attack
while they are asleep do not wake up.
Pain in the jaw can wake you from a sound sleep.
Let’s be careful and be aware.
The more we know the better chance we could survive.

A cardiologist says if everyone
who reads this message sends it to 10 people,
you can be sure that we’ll save at least one life.
Read this & Send to a friend. It could save a life.
 So, please be a true friend and send this
article to all your friends you care about.

วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Tell from Worldcup 2010 : Calling Soccer?‏ ( Pic. By Sprno )

Get theball?


UHHH..

















Yesss
















The Show ..





















 Oh! My God..

I got it !!















Nice ! Guy..





















Easy..Easy ..Do'nt worry





















Hi! Big Guy..
 
What ?

All for one !

Uh ! look out ..

Hand ball ?



   ________HappY__EndinG______

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Half man-Half Price..ร้านครึ่งคนครึ่งราคา(Good Story from e-mail : เรื่องดีดีจากอีเมล์)


ขอขอบคุณผู้ที่นำเรื่องดีๆ เช่นนี้ มาเผยแพร่ เนื่องจากส่งต่อกันมายาวมาก จนไม่รู้ที่มา แต่ไม่สามารถเก็บเรื่องดีๆอย่างนี้ไว้อ่านคนเดียวได้ จึงขออนุญาตินำมาเผยแพร่ณ.ที่นี้ด้วย
Thank you for those who bring good things like this come forward together to publish as long. And unknown source. But can not keep on with this good read alone. Asked permission to be published at this too.

ใครที่รู้สึกต่ำต้อย ท้อแท้ สิ้นหวัง If who feel desperate, open this mail.

ถ้าฉันบอกคุณคุณจะ เชื่อหรือไม่ว่าคุณเป็นคนโชคดี
WOULD YOU BELIEVE ME ,IF I TELL YOU THAT YOU ARE SO LUCKY
The Story of Peng Shuilin


เรื่องราวของ เป็ง ชุ่ยหลิน

In life we keep complaining about what is or why we don't have.

ตลอดชีวิตคนเรามักจะพร่ำบ่น " อะไรนี่ ?" หรือ " ทำไมเราไม่ได้ ?"

Half the time we seem dissatisfied, though full-bodied and free to choose. Fat people say,"I want to be slim." Skinny people say,"I want to be fatter."
ครึ่งชีวิตเรามักพบความไม่พอใจ ถึงแม้ว่าเราจะมีร่างกายที่สมบูรณ์และอิสระ ในการเลือก คนอ้วน " ฉันอยากผอม " คนผอม " ฉันอยากอ้วนกว่านี้ "

Poor people want to be rich and rich are never satisfied with what they have.
คนจนอยากรวย และ คนรวยก็ยังไม่เคยพอใจในสิ่งตนมีอยู่

 PENG Shuilin is 78cms high. He was born in Hunan Province, China.

เป็ง ชุ่ยหลิน สูงแค่ 78 ซม . เขาเกิดที่จังหวัดหูหนาน ประเทศจีน

In 1995, in Shenzhen, a freight truck sliced his body in half.

ปี 1995 ที่ เซินเจิ้น รถบรรทุกได้หั่นร่างของเขาไปครึ่งหนึ่ง

His lower body and legs were beyond repair.

ร่างกายส่วนล่างและท่อนขาทั้งสองเกินกว่าจะซ่อมแซมได้

 
Surgeons sewed up his torso.

ศัลยแพทย์เย็บลำตัวที่เหลือของเขาเข้าด้วยกัน

Peng Shuilin, 37, spent nearly two years in hospital in Shenzhen, southern China,
เป็ง ชุ่ยหลิน อายุ 37 ใช้เวลาเกือบสองปี นอนในโรงพยาบาลที่เซินเจิ้น ประเทศจีน

undergoing a series of operations to re-route nearly every major organ or system inside his body .
ผ่านการผ่าตัดใหญ่หลายรอบ เพื่อทำการจัดอวัยวะที่สำคัญ และระบบภายในของร่างกาย

Peng kept exercising his arms, building up strength, washing his face and brushing his teeth.
เป็ง พยายามออกกำลังกายแขนทั้งสอง เพื่อสร้างพลัง ล้างหน้าแปรงฟัน


He survived against all odds.

เขาผ่านพ้นความท้าทายทุกอย่าง

Now Peng Shulin has astounded doctors by learning to walk again after a decade.
ตอนนี้ เป็ง ได้สร้างความตลึงแก่บรรดาแพทย์โดยเขาเรียนรู้ที่จะลุกขึ้นเดินหลังจาก 10 ปี



Considering Peng's plight, doctors at the China Rehabilitation Research Centre in Beijing

ความเห็นใจในโชคชตาของ เป็ง คณะแพทย์แห่งศูนย์วิจัยการฟื้นฟูสมรถภาพ แห่งกรุงปักกิ่ง

devised an ingenious way to allow him to walk on his own,
ได้ประดิษฐ์วิธีการอันมหัศจรรย์เพื่อให้เขาได้เดินได้ด้วยตนเอง

creating a sophisticated egg cup-like casing to hold his body, with two bionic legs attached.
ได้สร้างแม่พิมพ์ห่อหุ้มร่างของเขาเหมือนเปลือกไข่ และติดตั้งขาเทียมสองข้าง





It took careful consideration, skilled meaasurement and technical expertize.

พวกเขาได้ใช้ความพยายาม , ความชำนาญ และเทคนิคอย่างมาก

Peng has been walking the corridors of Beijing Rehabilitation Centre
เป็งได้เริ่มหัดเดินรอบๆระเบียงของศุูนย์ฯที่ปักกิ่ง

with the aid of his specially adapted legs and a resized walking frame.
ด้วยการช่วยของขาเทียมที่ปรับปรุงและปรับขนาดหลายครั้ง



RGO is a recipicating gait orthosis, attached to a prosthetic socket bucket.


There is a cable attached to both legs so when one goes forward, the other goes backwards.

Rock to the side, add a bit of a twist and the leg without the weight on it advances,

while the other one stays still, giving a highly inefficent way of ambulation.

Oh so satisfying to 'walk' again after ten years with half a body!

ด้วยอุปกรณ์ที่คณะแพทย์ได้วิจัยและสร้างขึ้นเพื่อช่วยในการเดินของเขา
เป็ง ก็สามารถเริ่มเดินได้อีกครั้งหลัง 10 ปีที่มีร่างกายเพียงครึ่งท่อน



Hospital vice-president Lin Liu said: "We've just given him a checkup; he is fitter than most men his age."
"รองประธาน รพ . หลินหลิว " เราเพิ่งตรวจสภาพร่างกาย เขามีความแข็งแรงสูงกว่าชายในวัยเดียวกับเขา "
Peng Shuilin has opened his own bargain supermarket,
เป็ง ชุ่ยหลิน ได้เปิดซุปเปอร์มาร์เก็ตราคาถูกของเขาเอง

called the Half Man-Half Price Store.
เขาตั้งชื่อร้านว่า " ครึ่งคน ครึ่งราคา "

The inspirational 37-year-old has become a businessman
ชายวัย 37 ผู้เต็มไปด้วยความบันดาลใจได้กลายเป็นนักธุรกิจ

and is used as a role model for other amputees.
และได้เป็นแบบอย่างแก่คนทุพพลภาพอื่นๆ
At just 2ft 7ins tall, he moves around in a wheelchair giving lectures on recovery from disability.
ด้วยความสูงเพียง 2 ฟุต 7 นิ้ว เขาเดินทางไปด้วยรถเข็นไปเพื่อบรรยายให้กับผู้ทุพพลภาพที่กำลังพักฟื้น

His attitude is amazing, he doesn't complain.
ทัศนคติที่น่าทึ่ง เขาไม่บ่น

"He had good care, but his secret is cheerfulness. Nothing ever gets him down."
" เขาได้รับการดูแลที่ดี แต่เคล็ดลับของเขาคือความสุขความหวัง ไม่มีอะไรที่ทำให้เขาสิ้นหวังได้ "

You have a whole body. You have feet.
คุณมีร่างกายที่สมบูรณ์ มีขาทั้งสองข้าง

Now you have met a man who has no feet.
ตอนนี้คุณได้พบกับชายไร้ขาทั้งสอง

His life is a feat of endurance, a triumph of the human spirit in overcoming extreme adversity.
ชีวิตของเขาคือความทุกข์ทรมาน แต่ความมุ่งมั่นแห่งจิตวิญญาณมนุษย์ทำให้เขาก้าวข้ามทุกสิ่ง

Next time you want to complain about something trivial, don't.
คราวหน้า หากคุณจะบ่นไม่ว่าเรื่องใหญ่โตหรือเล็กน้อย โปรดหยุดก่อน

Remember Peng Shulin instead.
นึกถึง เป็ง แทน

วันพุธที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2553

Songkran Day in Bangkok after Red Shirt Mob

Foreign tourists flock to swim happily on Khao San Road. Although Trade Association Khao San Road Songkran event may cease this year. After the military clash with mob scene Redshirts. Contributed to the deaths and many injuries
(Picture from Thairat news April 13)
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแห่มาเล่นน้ำบนถนนข้าวสารอย่างสนุกสนาน แม้ว่าสมาคมผู้ประกอบการค้าถนนข้าวสารจะงดจัดงานสงกรานต์ในปีนี้ หลังเกิดเหตุทหารปะทะกับม็อบคนเสื้อแดง ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

.
แม้ว่า จะมีเหตุการณ์น่าสลดใจ เมื่อคนไทย หันหน้าฆ่ากันเอง ด้วยเหตุผลทางการเมือง , เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา จนมีคนตายนับสิบเจ็บอีกหลายร้อย แต่คนไทยยังคงรักสงบ และรักวัฒนธรรมไทย เพราะเมื่อเหตุการณ์สงบลงผู้คนก็เริ่มออกมาเล่นสงกรานต์กันอย่างสนุกสนาน แม้แต่ในม็อบเสื้อแดงเองก็ยังเล่นสงกรานต์จนชุ่มฉ่ำ
เป็นสิ่งที่แสดงถึงความแข็งแกร่งในจิตใจ และความอ่อนโยนที่ยังมีต่อคนไทยด้วยกัน และชาวต่างชาติ
ทำให้ไทยยังมีความหวังที่จะนำสันติสุขกลับมาสู่ประเทศในไม่ช้า


Although the event Regrettably, when Thais face internecine. For reasons of politics, on April 10 last and hurt dozens of people dead hundreds. But Thais still love in peaceful and Thai culture  . Because the event people began to settle out playing some amazing Festival. Also Redshirt Mob so fun  and wet juicy Play Festival.

It is showing the strength of mind. And the more gentle the Thai people together. And foreigners.
Thailand also has the hope to bring peace back to the country soon.

วันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553

YouTube - Khao San Songkran Festival 2009 Worlds Biggest Water Fight

YouTube - Khao San Songkran Festival 2009 Worlds Biggest Water Fight

Link:http://www.youtube.com/watch?v=4TXd3u3eEOA&feature=related

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2553

ดับร้อนวัยรุ่น ด้วย บวชเณรภาคฤดูร้อน SUMMAR SAMMANEN IN BUDDIST

          ปิดเทอมเด็กๆทั้งหลายใช้เวลาทำอะไร?  เล่นเกม ? , เที่ยว ? , ทำงาน ? , อะไรที่น่าให้เด็กของเราทำในช่วงปิดเทอมดี? บวชเณรภาคฤดูร้อน เป็นอีกคำตอบหนึ่งที่ดี ปีนี้อยากหลานให้บวชใกล้ๆบ้านหน่อย  ผู้ใหญ่
จะได้ไปเยี่ยมหาง่ายๆหน่อย   เลยพาหลานชายไปบวชที่ วัดประทีป ถ.บางขุนเทียน-ชายทะเล บางขุนเทียน นี่เอง
          แต่ที่นี่ต้องทำบุญเป็นเจ้าภาพ บวชเณร ประมาณรูปละ  2000 บาท  คือครบหมด ทางวัดเตรียมให้หมด   เตรียมแต่ชุดขาว ( ชุด นาค)
ใช้ตอนเข้าพิธี เท่านั้น ก็ถ้าซื้อเองหมด มีสิทธิ์เกิน เพราะแค่ผ้าไตรก็พันกว่าบาทแล้ว
          อานิสงฆ์ ของการบวชภาคฤดูร้อนพระท่านว่ามีดังนี้
๑. เด็กมีความรู้ความเข้าใจหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาเพิ่มขึ้น


๒. ทำให้เด็กเกิดความรัก ความกตัญญูต่อผู้มีอุปการคุณ และพระพุทธศาสนายิ่งขึ้น
๓. สอนให้เห็นโทษของอบายมุขและสิ่งเสพติดให้โทษทุกชนิด
๔. ฝึกสุขภาพจิตที่เข้มแข็ง มีความคิดสร้างสรรค์และเห็นประโยชน์ของความสามัคคี ความอดทนมากยิ่งขึ้น
๕. สามารถนำหลักธรรมประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
๖. พุทธศาสนิกชนได้ตระหนึกถึงความสำคัญของพุทธศาสนาและรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม
          ส่วนเราๆชาวบ้าน ประโยชน์ใหญ่ ก็คือ ลูกหลานจะได้
- ไม่ไปมั่วสุมจับกลุ่มเล่นคะนอง หรือไล่จีบสาวๆ
- ไม่ไปหมกมุ่นอยู่แต่กับร้านเกม
- ห่างไกลจากการจับกลุ่มแล้วมีเรื่อง ยกพวกตีกัน
      ผมว่ายังมีอีกเยอะ แต่ไม่น่าพูดออกไป  เดี๋ยววัยรุ่นดีๆ จะใจน้อยเอา  ที่เขาฝึกงาน-หารายได้พิเศษ  หรือช่วยพ่อแม่ทำงาน ค้าขาย ก็มี ก็เลยไม่ว่างไปบวช
      แต่หากทำได้ก็ช่วยกันสนับสนุนเถอะครับ เด็ก๐พวกนี้แหล่ะ ที่ไม่ใช่พระอาชีพ  เขาจะตั้งใจปฏิบัติ เอาบุญจริงๆเพราะเวลาน้อย
จึงต้องตั้งใจทำให้คุ้มค่าที่สุด
      บทนี้ก็ คุยกันเฉพาะเรื่องบวชก่อน คราวหน้ามาคุยกันถึงระหว่างบวช ตอนอยู่ในวัด   พวกเณรๆเขาทำอะไรกันบ้าง .. สวัสดีครับ







      



 

วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2553

เทศกาลเช็งเม้ง









บ้านผม  ถือโอกาศที่เทศกาลเช็งเม้งเพิ่งเริ่ม  คนยังไปที่สุสานน้อย  เดินทางกันก่อน  ซึ่งก็สะดวกสบายสมใจ  พวกเราถือว่าการที่ได้มาแสดงความเคารพบรรพชนกันถึงที่นี่  เป็นมงคลแก่ตนอย่างยิ่ง  และเป็นการร่วมกิจกรรมของครอบครัว  หลังจากที่ต่างคนมักติดภารกิจจนไม่ค่อยมีโอกาศ  ได้พบปะกันในหมู่พี่น้องเลย
มีเรื่องเล่ามากมายเกี่นวกับการไหว้บูชา บางเรื่องก็ชวนคิด พิศวงว่าจะเชื่อดีไหมหว่า
อันนี้ก็แล้วแต่วิจารณญาณกัน นะครับ  อย่างเรื่องการเผากระดาษเงิน กระดาษทองเรื่องหนึ่งล่ะ  
มักมีคนถามว่า  เผาไปแล้วเขาได้รับหรือ? ..ใครจะตอบได้ล่ะครับ..  เรื่องผีๆ
      คนอยากรู้ก็เลยไปถามผีซะเลย  ก็อาศัยสำนักทรงน่ะแหล่ะครับ  ติดต่อกับผีให้  ก็ได้เรื่องครับ ..ได้เรื่องเพิ่ม เช่น เวลาเผาเงินทองนะ  อย่าเอาไม้เขี่ย เงินเละเทะ  ซื้ออะไรไม่ได้บ้าง ,
บ้างก็ว่า เผามาแต่แบงค์ล้าน แบงค์แสน ที่นี่เขาไม่มีเงินทอน..ส่งย่อยๆมาบ้าง ยิ่งเหรียญเงินยิ่งหายาก( ใครเคยดูบ้าง  ว่าแบ้งค์กงเต็กมีค่าแต่ละฉบับนะ  เท่าไหร๋ )
      มีอยู่บ้านนึง ตอนอม่าเสีย เผาบ้านกงเต็กหลังเบ้อเริ่มไปให้ พร้อมเครื่องใช้ไม้สอยครบครัน เ
งินทองอีกตั้งมากมาย..ลูกหลานกระหยิ่มยิ้มย่องว่า  อม่าสบายแน่ๆ  พอมีโอกาส  ไปถามคนทรง 
ปรากฏว่า  อม่าแกตัดพ้อลูกหลานใหญ่เลย   ว่าซื้อบ้านหลังเบ้อเร้อให้  แต่ไม่มีคนใช้มาให้  และยังไม่มีถังน้ำใช้เลย  เลยไม่มีน้ำจะใช้เพราะไม่มีที่ใส่ เนียบ้านช่องไม่ได้ทำความสะอาดเลย  น้ำท่าก็ไม่ได้อาบ
ลูกหลานต้องลนลานจัดหาถังกงเต็กส่งไปให้
(สงสัยยังไม่มีสัมปทานเดินท่อประปาแน่ๆ .. ใครสนใจ ติดต่อท่านยมฯกันเองนะครับ)
      สุสานสุขสมบูรณ์ที่ผมไปไหว้อยู่ที่จ.ชลบุรี ดังนั้นพอเราเซ่นไหว้เสร็จ ก็เลย แวะเที่ยวกันต่อ ก่อนอื่นไปไหว้เจ้าแม่เขาสามมุขก่อน ที่นี่มีประวัติยาวนาน เอาไว้ หาโอกาศ เล่าให้ฟังอีกที  ตอนนี้ดูรูปไปก่อน
แต่ศาลเจ้าที่นี่นะ เทพเจ้าเพียบ ผมลองนับดู เกิน 10 องค์ ขึ้นไป ใครชอบไหว้เจ้าละก็ ขอแนะนำ..ที่เดียวคุ้ม








เจ้าแม่เขาสามมุข


























เจ้าแม่กวนอิม






















ไต้เซี่ยฮุกโจ้วหรือเทพเห้งเจีย ที่ชาวไทยและแม้แต่ฝรั่งยังรู้จัก














แล้วเราก็ไปจบทัวร์ที่ บางแสน ตามสุตรนิยมของผู้ที่มาไหว้ที่ชลบุรี
ดูเด็กๆเล่นน้ำ นั่งตา-กลม ตาก-ลมก่อนกลับ



สำหรับประวัติของเทศกาลเช็งเม้ง ขอยืมของวิกิพิเดียมาอธิบายก็แล้วกันนะครับ..สวัสดี
เทศกาลเช็งเม้ง
 (qing-ming, อักษรจีนตัวเต็ม: 清明節, อักษรจีนตัวย่อ: 清明节, พินอิน: Qīngmíngjié) หรือ เช็งเม้ง, เชงเม้ง (ตามสำเนียงแต้จิ๋ว)
"เช็ง" หมายถึง สะอาด บริสุทธิ์ และ "เม้ง" หมายถึง สว่าง
 รวมแล้วหมายความถึง ช่วงเวลาแห่งความแจ่มใส รื่นรมย์
            เช็งเม้งในประเทศจีน เริ่มต้นประมาณ 5 - 20 เมษายน เป็นฤดูใบไม้ผลิ อากาศจะคลายความหนาวเย็น เริ่มเข้าสู่ความอบอุ่น มีฝนตกปรอย ๆ มีบรรยากาศสดชื่น ท้องฟ้าใสสว่าง (เป็นที่มาของชื่อ เช็งเม้ง)
           สำหรับในประเทศไทยเทศกาลเช็งเม้ง ถือวันที่ 5 เมษายนของทุกปีเป็นหลัก
แล้วนับวันก่อนถึง 3 วัน และเลยไปอีก 3 วัน รวมเป็น 7 วัน (2 - 8 เมษายน)
แต่ในปัจจุบันเนื่องจากมีปัญหาการจราจรคับคั่ง เลยขยายช่วงเวลาเทศกาลให้เร็วขึ้นอีก 3 สัปดาห์ (ประมาณ 15 มีนาคม - 8 เมษายน)
แต่ในภาคใต้บางพื้นที่ เช่น จังหวัดตรังจะจัดเร็วกว่าที่อื่น 1 วัน ประมาณวันที่ 4 เมษายนของทุกปี
          ประเพณีที่สำคัญมากที่สุดของของชาวจีน คือ ไหว้บรรพบุรุษที่สุสาน (ฮวงซุ้ย)
 เป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ โดยมีอิทธิพลมาจากลัทธิขงจื๊อ
ที่เน้นเรื่องความกตัญญูเป็นสำคัญ


ตำนานการเกิดเช็งเม้ง
          ในยุคชุนชิว องค์ชายฉงเอ่อแห่งแคว้นจิ้นหนีภัยออกนอกแคว้น
ไปมีชีวิตตกระกำลำบากนอกเมือง โดยมีเจี้ยจื่อทุยติดตามไปดูแลรับใช้


          เจี้ยจื่อทุยมีจิตใจเมตตาถึงขนาดเชือดเนื้อที่ขาของตนเป็นอาหารให้องค์ชายเสวย
เพื่อประทังชีวิต ภายหลังเมื่อองค์ชายฉงเอ่อเสด็จกลับเข้าแคว้นและ
ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองแคว้น นาม จิ้นเหวินกง
 และได้สถาปนาตอบแทนขุนนางทุกคนที่เคยให้ความช่วยเหลือตน
 แต่ลืมเจี้ยจื่อทุยไป นานวันเข้าจึงมีคนเตือนถึงบุญคุณเจี้ยจื่อทุย จิ้นเหวินกงเพิ่งนึกขึ้นไป
 จึงต้องการตอบแทนบุญคุณเจี้ยจื่อทุย
โดยจัดหาบ้านให้เขาและมารดาให้เข้ามาอยู่อย่างสุขสบายในเมือง
แต่ทว่าเจี้ยจื่อทุยปฏิเสธ
          จิ้นเหวินกงได้คิดแผนเผาภูเขา โดยหวังว่าเจี้ยจื่อทุยจะพามารดาออกมาจากบ้าน
แต่ผลสุดท้ายกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด สองแม่ลูกกลับต้องเสียชีวิตในกองเพลิง
ดังนั้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงเจี้ยจื่อทุย จิ้นเหวินกงจึงมีคำสั่งให้วันนี้ของทุกปี
ห้ามไม่ให้มีการก่อไฟ และให้รับประทานแต่อาหารสด ๆ และเย็น ๆ
จนกลายเป็นที่มาของเทศกาลวันกินอาหารเย็น หรือ
เทศกาลหันสือเจี๋ย (寒食节) ซึ่งเป็นวันสุกดิบก่อนวันเช็งเม้ง 1 วัน
          เนื่องจากคนโบราณนิยมถือปฏิบัติกิจกรรมตามประเพณีวันหันสือเจี๋ย
ต่อเนื่องไปจนถึงวันเช็งเม้ง นานวันเข้าเทศกาลทั้งสองก็รวมเป็นวันเช็งเม้งวันเดียว การไหว้เจี้ยจื่อทุยจึงค่อย ๆ เปลี่ยนมาเป็นการไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษแทน
          เริ่มมาจากการที่พระเจ้าฮั่นเกาจู ปราบดาภิเษกและสถาปนาราชวงศ์ฮั่นขึ้นแล้ว
 เกิดระลึกถึงบุญคุณบิดา มารดาที่เสียชีวิตไปแล้วที่บ้านเกิด
จึงเร่งรัดกลับบ้านเกิด แต่ทว่าป้ายชื่อของฮวงซุ้ยแต่ละที่เลือนลางเต็มทน
จากสงคราม    พระเจ้าฮั่นเกาจูจึงอธิฐานต่อสวรรค์ด้วยการโปรยกระดาษสีขึ้นบนฟ้า
แล้วให้ลมพัดปลิวไป ถ้ากระดาษตกที่ฮวงซุ้ยไหน
ถือว่าเป็นฮวงซุ้ยของบิดา มารดาพระองค์
และเมื่อดูป้ายชื่อชัด ๆ แล้วก็พบว่าเป็นฮวงซุ้ยของบิดา มารดาพระองค์จริง
 ประเพณีการทำความสะอาดฮวงซุ้ยและโปรยกระดาษสีบนหลุ่มศพก็เริ่มมาจากตรงนี้เอง
ประโยชน์ของการไป ไหว้บรรพบุรุษ เทศกาลเชงเม้ง


          เพื่อ รำลึกถึงคุณความดี ที่บรรพบุรุษของเราได้ทำ,ดูแลเรา ,ลำบากตรากตรำ ก่อร่างสร้างตัวเพื่อลูกหลานมีความเป็นอยู่ที่ดี และเป็นแบบอย่างการดำเนินชีวิต


          เพื่อให้ลูกหลานที่อยู่กระจัด กระจาย ได้มาเจอหน้ากัน พบปะ เพื่อสร้างความสามัคคี จัดเป็นวันรวมญาติ รวมตระกูลเลยก็ว่าได้ เพราะงั้นจึงควรที่จะนัดไปไหว้พร้อมกัน ( วันและเวลาเดียวกัน )


          เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตให้แก่ลูกหลาน ให้เน้นความกตัญญูที่มีต่อบุพการีและบรรพบุรุษ ลูกหลานจึงควรปฏิบัติตาม เป็นการเตือนสติแก่ตนเองว่า ความตายต้องเกิดขึ้นกับทุกคน และเป็นธรรมดาของมนุษย์


ประเพณีปฏิบัติในวัน เช็งเม้ง



           การ ไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่สุสานนั้น ต้องไหว้ในช่วงเช้าก่อนเวลา 12.00 น.
เมื่อไปถึงสุสานให้ไหว้ศาลเจ้าที่แป๊ะกงเสียก่อนด้วยอาหารคาวหวาน ผลไม้ ขนมอี๋ 5 ที่ 5 ถ้วย
เพราะการไหว้เจ้าที่คือการไหว้ธาตุทั้ง 5 โดยจุดธูปไหว้ 5 ดอก บางแห่งมีไหว้เจ้าประตู
หรือที่เรียกกันว่า “มึ่งซิ้ง” ต้องไหว้ธูปเพิ่มอีก 2 ดอก ปักที่เสาประตูข้างละดอก
            จากนั้นจึงไปที่ ฮวงซุ้ย ทำความสะอาดปัดกวาด ดายหญ้า ปลูกต้นไม้ดอกไม้ 
อาจลงสีที่ป้ายชื่อให้ดูใหม่ โดยคนตายแล้วลงสีเขียว หรือสีทองขลิบเขียว
ส่วนคนเป็นให้ลงสีแดง และมีการกางเต็นท์ไว้กันแดด
 ในปัจจุบันสิ่งเหล่านี้เมื่อถึงเทศกาลเช็งเม้งจะมีคนมาคอยบริการให้
โดยเสียค่าบริการเท่านั้น
           นอกจากนี้ มีธรรมเนียมการนำสายรุ้งมาประดับตกแต่งบนเนินหลุมศพด้วย
บรรดาลูกหลานจะนำสายรุ้งสีสันต่างๆ รวมทั้งธงมาตกแต่งเต็มไปหมด
ตามธรรมเนียมให้ใช้ กระดาษม้วนสีแดงสำหรับ? สุสานคนเป็น (แซกี)
ส่วนสุสานคนตาย (ฮกกี) ใช้หลากสีได้ ส่วนเรื่องธงนี้บ้างบ้านก็ห้ามปักกัน
เพราะถือว่าเป็นของแหลมที่ทิ่มแทงเข้าไปบนหลุม
อาจทำให้หลังคาบ้านบรรพบุรุษรั่วได้ ซึ่งก็เป็นความเชื่อของแต่ละคน


*** ห้ามวางของตรงแท่นหน้า เจียะปี ( ป้ายหิน ที่จารึกชื่อ บรรพบุรุษ )


เพราะเป็นที่เข้าออกของ วิญญาณบรรพบุรุษ ***
          หลังจากนั้นจึงจัดเตรียมของเซ่นไหว้ ในการไหว้ต้องไหว้เทพยดาผืนดิน
 หรือโท้วตี่ซิ้ง เสียก่อน ด้วยธูป 5 ดอก เพราะถือว่าท่านเป็นเทพเจ้าที่
ของไหว้จะเหมือนกับที่ไหว้แป๊ะกง
 ต่อมาผู้อาวุโสในบ้านจะเป็นผู้นำกราบไหว้ ด้วยการจุดธูป 3 ดอกไหว้บรรพบุรุษ
และต้องไหว้ 3 รอบ (เฉพาะบรรพบุรุษ)
          รอจนไหว้ครั้งที่ 3 แล้ว ไหว้จนเทียนใกล้หมดก้าน ลูกหลานตีวงล้อมด้วยหวาย เผา กระดาษเงิน กระดาษทอง ฯลฯ เป็นการกำหนดขอบเขตว่า สิ่งเหล่านี้ลูกหลานส่งให้ บรรพบุรุษของครอบครัว นั้น ๆ เป็นการเฉพาะ ( ผู้ตีวงล้อม ต้องเป็นลูกหลานเท่านั้น ) จึงเผากระดาษเงินกระดาษทอง และมีการจุดประทัดส่งท้าย ถือเป็นการขับไล่สิ่งไม่ดีทั้งหลายไม่ให้มารบกวนบรรพบุรุษ
          เมื่อ เสร็จพิธีไหว้แล้ว บางครอบครัวอาจรับประทานอาหารร่วมกันที่หน้าหลุมศพ เสมือนเป็นการรับประทานอาหารพร้อมหน้ากับบรรพบุรุษด้วย สะท้อนความเชื่อที่ว่า คนตายนั้นตายไปเพียงร่างแต่วิญญาณยังคงอยู่กับเรา
          พิธี เชงเม้ง ผู้อาวุโสจะเป็นผู้นำกราบ เป็นอันเสร็จพิธีบางครอบครัวก็จะมานั่งล้อมวงทานอาหารกันต่อ เพื่อเป็นการแสดงความสมานสามัคคีแก่ บรรพบุรุษ